เป็นพิธีกรมากฝีมือที่อยู่คู่กับวงการโทรทัศน์มาอย่างยาวนาน สำหรับ ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ ที่เริ่มงานพิธีกรครั้งแรกรายการ ‘เฉียบ’ คู่กับ ‘ดี๋ ดอกมะดัน’
ผลงานเป็นที่รู้จักครั้งแรก คือ การเป็นพิธีกรรายการ ‘เจาะใจ’ ทางช่อง 5 คู่กับ ‘ดำรง พุฒตาล’ อย่างยาวนานถึง 17 ปี (เฉพาะส่วนของสัญญาคนเดียว)
จนทั้งคู่กลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของรายการ จากนั้นจึงมีผลงานพิธีกรเรื่อยมา โดยเฉพาะภาพจำจากรายการดัง ‘ที่นี่หมอชิต’ที่ปัจจุบันได้ยุติบรายการไปแล้ว
ท่ามกลางคำถามที่ค้างคาใจของผู้ชมว่า ทำไมรายการคุณภาพอย่าง ‘ที่นี่หมอชิต’ ถึงไม่ได้ไปต่อ ทั้งที่เสียงต้อนรับของรายการเป็นไปในทางที่ดี และมีผู้ชื่นชอบ
“วันที่ต้องลุกออกจากเก้าอี้ มีข่าวว่า ถูกปลด กับ เลิกเอง คือผมเลิกเอง หลายๆ อย่างมันไม่เอื้อ เราเป็นรายการหนึ่งที่อยู่ในพันรายการ เราไม่ได้เลิกว่าเราจะไปอยู่ดาวดวงอื่น
เรายังคงอยู่ในนี้เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดอะไร เพราะโลกมันเปลี่ยน คุณต้องไปหาหนทางอื่นต่อไป ตอนผมเลิก สิ่งเดียวที่คิด คือคิดถึงน้องมากกว่า
เรายกเลิกรายการเอง ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะหลาย ๆ ไม่ลงตัว ส่วนทำไมถึงเลิกโดยไม่ร่ำลาเพราะผมคิดว่าเราเป็นเพียงแค่รายการ รายการหนึ่งในหลายร้อยรายการ
ผมก็แค่หายไปจากตรงนี้แล้วจากนั้นเราจะไปอยู่ตรงอื่น ตรงไหนก็ว่ากันไป สิ่งเดียวที่เราาคิดก็คือเป็นห่วงลูกน้องเท่านั้นเอง ไม่มีเรื่องอื่นเลย
ถามว่าชื่อเสียงสำคัญไหม ในวัย 56 ชื่อเสียงเป็นประโยชน์ แต่คุณก็ต้องทำตัวให้ดีอย่าทำตัวไม่ดีเพื่อรักษา
ชื่อเสียงถ้าคุณมีพอที่จะใช้ชีวิตแล้ว คือพอใช้แล้วคือรวยแล้ว แต่ถ้าคุณพยายามจะเอาอีก นั้นคือคุณยังไม่รวยพอ ชีวิตผมก็ลงตัวแล้ว
ผมว่าคนอยู่หน้ากล้องหลังกล้องก็คนธรรมดาเหมือนกันทั้งสิ้น ก็มีชีวิตคล้าย ๆ กัน ไปเดินท้องถนนก็เหมือนคนอื่น นักแสดง พิธีกร สามารถขึ้นไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้
แต่ถ้าคุณเป็นซุปเปอร์สตาร์คือคุณทำสิ่งนี้จนกลายเป็นอีกแบบนึง แต่ผมเป็นนักแสดง พิธีกร ไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์นะ ถามว่าเวลาที่เราเป็นพิธีกร มันเติมเต็มชีวิตให้กับเราไหม
มันยิ่งกว่าคำว่าเติมเต็มครับ ผมพูดได้เลยว่า 1. ผมไม่ใช่คนซุปเปอร์ฉลาด 2. ผมไม่ใช่คนรู้เรื่องอะไรมาก แต่เมื่อผมได้สัมภาษณ์แขกรับเชิญ
ช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเข้าให้กับผม ผมคำนวณว่าผมเคยสัมภาษณ์แขกมาทั้งหมดตลอด 20 กว่าปี มีประมาณ 2,000 กว่าคน ผมมีอาจารย์มากถึงขนาดนี้
ผมต้องฉลาดขึ้นบ้าง ซึ่งผมต้องขอบคุณแขกรับเชิญทุกท่านที่กรุณามาออกรายการ ดังนั้นการสัมภาษณ์มันมากกว่าเติมเต็ม มันคือส่วนประกอบที่ผมมีวันนี้ได้เลย”